กรุงเทพมหานครในฐานะหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดสังกัดจึงต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่... และกรณีนี้เจ้าหน้าที่มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับกรุงเทพมหานครตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ...
ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๔ กำหนดให้ยกเลิกแนวทางหลวงตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว... ได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวโดยได้รับฟังข้อเท็จจริงจากผู้แทนกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) แล้วเห็นว่าตามบทบัญญัติข้อ... การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในเขตทางหลวงพิเศษสายธนบุรี - สมุทรสาคร - สมุทรสงคราม - ปากท่อ ได้ เพราะขัดต่อบทบัญญัติข้อ...
ซึ่งจะทำให้ได้ที่ดินบางส่วนกลับคืนมาเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะอื่นๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดสรรที่ดิน แต่โดยที่มาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน... ได้กำหนดให้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือ เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๖ จึงทำให้บทบัญญัติต่างๆ...
และมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ... หน่วยงานรัฐวิสาหกิจสามารถหารือปัญหาข้อกฎหมายไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้โดยตรงตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา...
จะต้องหักส่วนความรับผิดดังกล่าวออกด้วยตามที่กําหนดในมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่... ให้ผู้มีอํานาจแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยไม่ขักซ้า เว้นแต่จะได้มีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมีเจตนารมณ์...
จึงเป็นการใช้สิทธิของผู้อื่นออกเสียงลงคะแนนเลือกตนเองได้ ส่วนผู้ถือหุ้นอีกพวกหนึ่งเห็นว่าย่อมทำไม่ได้ เพราะตามมาตรา ๑๑๘๕ ดังกล่าวมีบัญญัติว่า... ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ผู้ถือหุ้นมีส่วนได้เสียที่จะเลือกหรือถูกเลือกเป็นกรรมการได้ การที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๑๘๕ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในข้อใดออกเสียงลงคะแนนในข้อนั้น...
ตามข้อ ๒๗แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ ซึ่งบัญญัติว่า... เพราะในข้อ ๓๐ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ บัญญัติให้สาธารณูปโภคซึ่งผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาตเป็นภารจำยอมโดยกฎหมายเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร... และบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรหรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์คนต่อไปที่จะบำรุงรักษากิจการสาธารณูปโภคดังกล่าวให้คงสภาพต่อไป...
ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๕ ว่าการที่มาตรา ๑๕๖๖ (๖) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้บัญญัติให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาในกรณีที่มีการทำความตกลงกันไว้ในขณะหย่าให้ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรนั้น... และสั่งให้ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมอบเด็กนั้นคืนแก่บุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม...
โดยมาตรา ๑๑๘ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.๒๕๓๕ ได้บัญญัติไว้มีความว่าในกรณีที่ผู้จัดการมรดกมิได้ร้องขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิภายใน... ในกรณีที่ผู้จัดการมรดกไม่ดำเนินการจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิตามความประสงค์ของเจ้ามรดกผู้ทำพินัยกรรมนอกจากผู้มีส่วนได้เสียแล้ว กฎหมายยังได้บัญญัติให้พนักงานอัยการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจและหน้าที่เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการให้มีการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อให้เป็นไปตามเจตนาของเจ้ามรดกผู้ทำพินัยกรรม... ในกรณีนี้เจ้าพนักงานที่ดินจึงมีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งเรื่องนี้ไปยังพนักงานอัยการ(สำนักงานอัยการสูงสุด) เพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ต่อไป...
สำหรับปัญหาแรก กรณีผู้จัดการมรดกตายก่อนจัดการทรัพย์สินเสร็จบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้มีบัญญัติไว้... แต่เมื่อพิจารณาจากมาตรา ๑๗๒๓ ซึ่งบัญญัติให้ผู้จัดการมรดกต้องจัดการมรดกด้วยตนเองแล้ว...